Tuesday, November 25, 2008

Sport Physical Therapy In Thailand

วิชาชีพกายภาพบำบัดกับการกีฬา


ผศ.ดร.กานดา ชัยภิญโญ
นายกสมาคมกายภาพบำบัดแห่งประเทศไทย
Email: kchaipinyo@gmail.com


วิชาชีพกายภาพบำบัดเป็นวิชาชีพด้านสุขภาพตามพระราชบัญญัติวิชาชีพกายภาพบำบัด พ.ศ. 2547 โดยตามพระราชบัญญัติดังกล่าวให้คำจำกัดความดังนี้

“วิชาชีพกายภาพบำบัด” หมายความว่า วิชาชีพที่กระทำต่อมนุษย์เกี่ยวกับการตรวจประเมิน การวินิจฉัย และการบำบัดความบกพร่องของร่างกาย ซึ่งเกิดเนื่องจากภาวะของโรคหรือการเคลื่อนไหวที่ไม่ปกติ การป้องกัน การแก้ไขและการฟื้นฟูความเสื่อมสภาพความพิการของร่างกายรวมทั้งการส่งเสริมสุขภาพร่างกายและจิตใจ ด้วยวิธีการทางกายภาพบำบัดหรือการใช้เครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่รัฐมนตรีประกาศโดยคำแนะนำ ของคณะกรรมการให้เป็นเครื่องมือหรืออุปกรณ์กายภาพบำบัด

“ผู้ประกอบวิชาชีพกายภาพบำบัด” หมายความว่า บุคคลซึ่งได้ขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพกายภาพบำบัดจากสภากายภาพบำบัด

ปัจจุบันมีนักกายภาพบำบัดที่ขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกอบวิชาชีพในประเทศไทยประมาณ 5,000 คน และมีผู้สำเร็จปริญญาตรีสาขาวิชากายภาพบำบัดจากสถาบันอุดมศึกษาของรัฐและเอกชนประมาณปีละ 700 คน โดยมีองค์กรหลักของวิชาชีพคือสภากายภาพบำบัด สมาคมกายภาพบำบัดแห่งประเทศไทย สถาบันผู้ผลิตบัณฑิตสาขากายภาพบำบัดรวม 15 แห่ง ชมรมนักกายภาพบำบัดต่างๆ เช่นชมรมนักกายภาพบำบัดระบบการหายใจและการไหลเวียนเลือด ชมรมนักกายภาพบำบัดภาคใต้ ชมรมนักกายภาพบำบัดทางการกีฬา เป็นต้น ขอบเขตการปฏิบัติงานของนักกายภาพบำบัดมีทั้งที่ปฏิบัติงานในสถานพยาบาล สถานส่งเสริมสุขภาพ องค์กรธุรกิจ ชุมชน และโดยเฉพาะด้านการกีฬาที่นักกายภาพบำบัดได้มีบทบาทต่างๆ โดยมีการนำองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์การเคลื่อนไหวมาประยุกต์ใช้เพื่อพัฒนาการกีฬา ทั้งด้านการป้องกัน การรักษา การฟื้นสภาพจากการบาดเจ็บ บทบาทด้านการวิจัยและพัฒนา และมีองค์กรต่างๆด้านกายภาพบำบัดที่เกี่ยวข้องในปัจจุบัน ดังนี้

1. บทบาทของนักกายภาพบำบัดกับการกีฬาในปัจจุบัน
เป้าหมายของการให้บริการกายภาพบำบัดในการกีฬาคือการส่งเสริมให้ประชาชน และนักกีฬาสามารถเล่นกีฬาได้อย่างปลอดภัยจากการบาดเจ็บ และส่งเสริมสมรรถนะทางการกีฬาให้ถึงพร้อมที่สุดเท่าที่นักกีฬาแต่ละบุคคลจะไปถึงได้ (Individual’s best performance) ในระดับนานาชาติ กายภาพบำบัดทางการกีฬาเป็นสาขาหนึ่งของความเชี่ยวชาญในวิชาชีพกายภาพบำบัด มีการจัดตั้ง International Federation of Sports Physiotherapy (IFSP) เป็น subgroup ของ World Confederation of Physical Therapy (WCPT) ซึ่งเป็นองค์กรที่มีสมาชิกรวม 101 ประเทศทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทย เพื่อกำหนดมาตรฐานของการให้บริการ การศึกษา ด้านกาย
1.1. การป้องกันการบาดเจ็บ
การให้บริการกายภาพบำบัดทางการกีฬาเพื่อป้องกันการบาดเจ็บเป็นการให้คำปรึกษา ส่งเสริม ช่วยเหลือ และให้โปรแกรมสำหรับนักกีฬาเฉพาะรายบุคคลเพื่อปฏิบัติการฝึกออกกำลังกายนั้นๆด้วยตัวของนักกีฬาเองเพื่อป้องกันการบาดเจ็บ หรือการบาดเจ็บซ้ำในกรณ๊ที่นักกีฬามีการบาดเจ็บมาก่อน ทั้งนี้โดยการกระตุ้นส่งเสริมขบวนการซ่อมแซมหรือการสมานตัวของการบาดเจ็บ (Healing process) ให้เกิดขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด การให้บริการในส่วนนี้รวมถึงการตรวจประเมินการเคลื่อนไหวก่อนการฝึกซ้อมและแข่งขัน ทั้งในส่วนของระบบกล้ามเนื้อ ข้อต่อ และระบบหัวใจและการไหลเวียนเลือด


1.2. การตรวจประเมินการบาดเจ็บ
นักกายภาพบำบัดทางการกีฬาต้องมีองค์ความรู้ทั้งกายวิภาคศาสตร์ พยาธิวิทยา และชีวกลศาสตร์ที่เกี่ยวกับกีฬาเป็นอย่างดี และต้องมีทักษะที่ดีในการตรวจประเมินการบาดเจ็บทั้งในระยะเฉียบพลันและในระยะเรื้อรัง ทั้งที่ได้รับการผ่าตัดรักษาแล้วหรือไม่ได้รับการผ่าตัดรักษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตรวจประเมินการบาดเจ็บของระบบประสาทกล้ามเนื้อและกระดูก (Neuromusculoskeletal injuries) เพื่อการประเมินคุณภาพและลักษณะการเคลื่อนไหวที่เฉพาะเจาะจง ซึ่งเป็นสาเหตุของปัญหาการเคลื่อนไหวที่นักกีฬาจะต้องใช้ในการเล่นกีฬาแต่ละชนิด (Functional assessment of individual sports) ภายหลังจากการบาดเจ็บ จะช่วยให้นักกีฬาสามารถกลับไปเล่นกีฬาได้อย่างปลอดภัยมากขึ้น

1.3. การรักษาทางกายภาพบำบัด และการฟื้นฟู
การรักษาทางกายภาพบำบัดและการฟื้นฟูการบาดเจ็บของระบบประสาทกล้ามเนื้อและกระดูก (Neuromusculoskeletal injuries) เป็นแกนกลางของการให้บริการกายภาพบำบัดทางการกีฬา โดยเป็นการปฏิบัติงานเป็นทีมร่วมมือกับทีมผู้ให้การรักษาในทีมเวซศาสตร์กีฬาเพื่อวางแผนและให้การรักษาด้วยทักษะทางหัตถการ การใช้เครื่องมือทางกายภาพบำบัด และการออกแบบสร้างโปรแกรมการฝึกออกกำลังกายเพื่อการรักษา และนำไปใช้กับนักกีฬาเป็นรายบุคคลเพื่อจัดการปัญหาการบาดเจ็บและความผิดปกติในการเคลื่อนไหวของนักกีฬาในทุกช่วงอายุ และไม่ว่าจะมีความสามารถในการเคลื่อนไหวในระดับใด ซึ่งหมายรวมถึงนักกีฬาที่มีความพิการอย่างใดอย่างหนึ่งจนถึงนักกีฬาที่มีความสามารถระดับชาติ

1.4. การส่งเสริมสมรรถนะนักกีฬา
นักกายภาพบำบัดทางการกีฬาจะช่วยให้ผู้ที่ต้องการเล่นกีฬามีการพัฒนาสมรรถนะทางการกีฬาโดยวิธีการต่างๆ ข้อมูลพื้นฐานของการส่งเสริมสมรรถภาพได้จากการตรวจประเมินระบบประสาทกล้ามเนื้อและกระดูก และระบบหัวใจและการไหลเวียนเลือด ผลการประเมินดังกล่าวจะชี้ให้เห็นภาพรวมของความแข็งแกร่งและจุดที่มีความด้อยทางกายของแต่ละบุคคล จากนั้นจึงนำภาพรวมลักษณะทางกายนี้ไปเทียบกับระดับสมรรถนะทางกายที่ต้องการในแต่ละชนิดกีฬา ออกแบบสร้างโปรแกรมการออกกำลังกายที่มีลักษณะเฉพาะสามารถลดจุดอ่อนทางด้านความอ่อนตัว ความแข็งแรง ความทนทาน และความสามารถในการใช้พลังงานได้ เพื่อการเสริมส้รางสมรรถนะและลดการเสี่ยงที่จะเกิดการบาดเจ็บของนักกีฬา นอกจากนั้นการติดตามผลการฝึกจะช่วยให้สามารถปรับเปลี่ยนวิธีการฝึกให้เหมาะสมยิ่งขึ้นในแต่ละช่วงเวลา

1.5. การวิจัย
การด้านการรักษาทางกายภาพบำบัดและการฟื้นฟูจากการบาดเจ็บมีพัฒนาการปรับปรุงอยู่อย่างสม่ำเสมอสอดคล้องกับการพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพพื้นฐานและหลักฐานทางคลินิก นักกายภาพบำบัดทางการกีฬาเป็นส่วนหนึ่งของทีมที่ทำการวิจัย และนำผลจากการวิจัยมาปฏิบัติเพื่อช่วยส่งเสริมให้นักกีฬาแต่ละบุคคลบรรลุเป้าหมาย

1.6. การศึกษา
การส่งเสริมการศึกษา และให้คำปรึกษาสำหรับนักกีฬา ผู้ปกครอง และทีมงานผู้ฝึกสอนเกี่ยวกับเทคนิคการป้องกันและจัดการการบาดเจ็บเป็นการให้บริการทางกายภาพบำบัดทางการกีฬาอย่างหนึ่ง นอกจากนั้นนักกายภาพบำบัดทางการกีฬายังมีหน้าที่ให้ความรู้ด้านนี้แก่นักกายภาพบำบัดทั่วไป ตลอดจนบุคลากรด้านสุขภาพที่เกี่ยวข้อง

2. การนำองค์ความรู้ด้านกายภาพบำบัดมาพัฒนาการกีฬาในประเทศไทย
การพัฒนาการกีฬาในประเทศไทยจำเป็นต้องมีการบูรณาการศาสตร์ต่างๆทางด้านวิทยาศาสตร์การกีฬา กีฬาเวชศาสตร์ และกายภาพบำบัด โดยมีนักกีฬาแต่ละรายเป็นศูนย์กลางของการบูรณาการความรู้สู่การปฏิบัติ ในส่วนขององค์ความรู้เฉพาะด้านทางกายภาพบำบัดนั้นจะเน้นที่ทักษะของนักกายภาพบำบัดในการเคลื่อน ดัด/ดึงข้อต่อ (Mobilization and manual therapy) การออกกำลังกายเพื่อการรักษาและการส่งเสริมสุขภาพเฉพาะด้าน การใช้ความร้อนความเย็นและอุปกรณ์ต่างๆในการรักษา การนวด และเทคนิคเฉพาะในการฝึกระบบประสาทกล้ามเนื้อและการเคลื่อนไหวโดยใช้หลักการของการควบคุมประสาทกล้ามเนื้อ (Motor control) และชีวกลศาสตร์ (Biomechanics) ซึ่งเทคนิคเหล่านี้จะต้องเลือกใช้ให้เหมาะสมกับสภาพของนักกีฬาในเวลาที่เหมาะสม และเป็นการปฏิบัติที่ต้องอาศัยทักษะและความชำนาญ ทั้งด้านการวิเคราะห์ทางคลินิก(Clinical reasoning) การตรวจประเมิน เพื่อระบุปัญหาที่บกพร่องของการเคลื่อนไหวของนักกีฬาการรักษา การออกแบบโปรแกรมการฝึกให้แก้ไขปัญหาความบกพร่องของการเคลื่อนไหวนั้นได้อย่งมีประสิทธิผล และประสิทธิภาพ ดังนั้นการนำองค์ความรู้และทักษะกายภาพบำบัดทางการกีฬามาพัฒนาการกีฬาในประเทศไทยจำเป็นต้องกระทำโดยนักกายภาพบำบัดที่มีทักษะและความสามารถเฉพาะ

การวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของนักกีฬา โดยเฉพาะในนักกีฬาที่ได้รับการบาดเจ็บมาก่อนเป็นองค์ความรู้ด้านกายภาพบำบัดที่สามารถนำมาใช้เป็นข้อมูล ประกอบกับการตรวจประเมินด้านอื่นๆ เพื่อพัฒนาสมรรถนะของนักกีฬาได้ นอกจากนั้นยังมีการวิจัยด้านกายภาพบำบัดอื่นๆที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการฝึกเพื่อเพิ่มพูนความสามารถทางกายของนักกีฬา อาทิเช่น การวิเคราะห์การทำงานของระบบประสาทกล้ามเนื้อโดยศึกษาจากการนำกระแสประสาท การตอบสนองของระบบประสาท และการทำงานของกล้ามเนื้อ การใช้ระบบสัญญาณกล้ามเนื้อป้อนกลับ เป็นต้น

นอกจากนั้นการสร้างโอกาสให้นักกายภาพบำบัดมีส่วนร่วมในทีมของบุคคลากรด้านการกีฬาในการแข่งขันต่างๆ จะช่วยให้เกิดการเรียนรู้ระหว่างวิชาชีพที่จะช่วยส่งเสริมให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่นักกีฬาต่อไปได้
3. การสนับสนุนและส่งเสริมการค้นคว้างานวิจัยเพื่อเป็นการพัฒนาองค์ความรู้งานด้านวิทยาศาสตร์การกีฬา
3.1. แนวทางการวิจัยในปัจจุบัน
· การวิจัยด้านชีวกลศาสตร์การเคลื่อนไหวของนักกีฬา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มสมรรถนะของนักกีฬาและป้องกันการบาดเจ็บ
· การวิจัยด้านประสิทธิภาพของโปรแกรมการฝึกที่ช่วยลดอุบัติการณ์การบาดเจ็บ และการบาดเจ็บซ้ำของนักกีฬาประเภทต่างๆ
· การวิจัยด้านการควบคุมและกระตุ้นระบบประสาทกล้ามเนื้อ (Neuromuscular Controls and Facilitations)
· การวิจัยผลของการใช้อุปกรณ์เสริมต่างๆต่อประสิทธิภาพการเคลื่อนไหวของนักกีฬา เช่น การใช้ผ้าเทป การใช้ความร้อน ความเย็นในช่วงต่างๆของการฝึกซ้อมและการแข่งขัน

3.2. แนวทางการวิจัยที่ควรได้รับการสนับสนุนพัฒนาเพิ่มเติม
· การสำรวจสถานการณ์ความต้องการและประสิทธิภาพของกายภาพบำบัดการกีฬาในปัจจุบัน
· แนวทางการพัฒนานักกายภาพบำบัดทางการกีฬา และผู้เชี่ยวชาญกายภาพบำบัดทางการกีฬา

4. การพัฒนาองค์กรที่เกี่ยวข้องกับกายภาพบำบัดในการกีฬา
4.1. สถานการณ์ที่ผ่านมา และปัจจุบัน
ปัจจุบันหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกายภาพบำบัดในการกีฬาประกอบด้วย สภากายภาพบำบัด สมาคมกายภาพบำบัดแห่งประเทศไทย การกีฬาแห่งประเทศไทย ชมรมนักกายภาพบำบัดทางการกีฬา มหาวิทยาลัยของรัฐและเอกชนที่มีบุคคลากรผู้สอนและมีความสนใจด้านกายภาพบำบัดทางการกีฬา คลินิกกายภาพบำบัดเอกชนที่รับรักษาและให้คำปรึกษาเฉพาะราย สมาคมกีฬาในระดับชาติและชมรมกีฬาทั่วไป

ในส่วนของสภากายภาพบำบัดและสมาคมกายภาพบำบัดแห่งประเทศไทยกำลังดำเนินการพัฒนาระบบผู้เชี่ยวชาญเฉพาะสาขา ซึ่งกายภาพบำบัดทางการกีฬาเป็นสาขาหนึ่ง โดยจัดทำข้อบังคับต่างๆที่เกี่ยวข้องและกำหนดมาตรฐานผู้เชี่ยวชาญกายภาพบำบัดเฉพาะทาง

ชมรมนักกายภาพบำบัดทางการกีฬามีการก่อตั้งมามากกว่า 10 ปีและเป็นการรวมนักกายภาพบำบัดที่มีความสนใจเข้ามาศึกษาเรียนรู้ร่วมกัน และจัดกิจกรรมพัฒนาทักษะและวิชาการก่อนการจัดการแข่งขันในระดับชาติและนานาชาติที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพเกือบทุกครั้ง เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับนักกายภาพบำบัดรุ่นใหม่ที่เริ่มเข้าสู่วงการ และเป็นการประสานงานภายในระหว่างนักกายภาพบำบัดในการเก็บข้อมูลสถิติผู้รับบริการ และประเมินผลการให้บริการกายภาพบำบัดในแต่ละรายการ ซึ่งนักกายภาพบำบัดที่เป็นบุคคลากรของมหาวิทยาลัยต่างๆที่เป็นสถาบันผู้ผลิตนักกายภาพบำบัด และนักกายภาพบำบัดจากคลินิกเอกชนมีส่วนร่วมในกิจกรรมเหล่านี้ด้วย ภาพรวมของการมีส่วนร่วมในการแข่งขันเป็นดังตาราง ที่ 1

อย่างไรก็ตามการเข้าร่วมกิจกรรมด้านการกีฬาของชมรมกายภาพบำบัดที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เป็นลักษณะงานอาสาสมัคร และเกิดจากความสนใจส่วนตัวของนักกายภาพบำบัดแต่ละท่านที่เต็มใจมาร่วมกันปฏิบัติงานในแต่ละเกมส์ ปัญหาที่เกิดขึ้นคือหลังจบการแข่งขัน นักกีฬาจะไม่ได้รับการรักษาทางกายภาพบำบัดอย่างต่อเนื่อง ทำให้ไม่ได้รับการตรวจประเมินการเคลื่อนไหวที่จำเป็นในชนิดกีฬานั้นๆ และไม่ได้ปรับโปรแกรมการฝึกให้เหมาะสมกับสภาวะการบาดเจ็บทำให้เกิดการบาดเจ็บซ้ำขึ้นอีกระหว่างการฝึกซ้อม และอาจสูญเสียโอกาสในการพัฒนาความเป็นเลิศในชนิดกีฬานั้นๆไป

ตารางที่ 1 แสดงจำนวนนักกายภาพบำบัดปฏิบัติงาน และจำนวนนักกีฬาที่เข้ารับบริการกายภาพบำบัดในการแข่งขันต่างๆที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ (ข้อมูลยังไม่ครบทุกการแข่งขัน)
ชื่อการแข่งขัน
ปี พ.ศ.
สถานที่
จำนวน
นักกายภาพบำบัด
ที่เข้าร่วมโครงการ
จำนวนนักกีฬา
ที่รับบริการ
ASIAN Games

1-20ธค 2541
ม.ธรรมศาสตร์ กทม
72
312 คน
(1,011 ครั้ง)
SEA Games




กีฬามหาวิทยาลัย
ราชพฤกษ์เกมส์
19-26 มค2550
ม.ศรีนครินทรวิโรฒ องครักษ์
26
1,055 ครั้ง
กีฬามหาวิทยาลัยโลก

1-23 ส.ค. 2550
ม.ธรรมศาสตร์ กทม
140
245 คน
(562 ครั้ง)
หมายเหตุ
1. นักกายภาพบำบัดที่เข้าร่วมโครงการนอกเหนือจากที่สังกัดหน่วยงานเจ้าภาพ จะเป็นนักกายภาพบำบัดอาสาสมัครจากหน่วยงานต่างๆของรัฐและเอกชน รวมทั้งนักกายภาพบำบัดอิสระ ที่ปฏิบัติงานเป็นผลัดตามที่สามารถลางานประจำมาได้
2. ในการแข่งขันแต่ละครั้งจะมีนิสิต นักศึกษากายภาพบำบัดอาสาสมัครช่วยงานร่วมด้วย


นอกจากนั้นเนื่องจากการพัฒนาคุณภาพและปริมาณของนักกายภาพบำบัดทางการกีฬาที่ผ่านมาและในปัจจุบันเป็นการพัฒนาจากความสนใจเฉพาะบุคคลผ่านการสะสมประสบการณ์ และการเรียนรู้ด้วยตนเองเป็นส่วนใหญ่ ประกอบกับนักกายภาพบำบัดส่วนใหญ่ปฏิบัติงานหลักในสถานพยาบาลและสถาบันการศึกษา ทำให้การปฏิบัติงานทางการกีฬาเป็นงานที่ทำนอกเหนือจากภาระงานปกติจึงทำให้การพัฒนาเป็นไปอย่างล่าช้ากว่าที่ควร

4.2. แนวโน้มและทิศทางการพัฒนา
การพัฒนาให้มีนักกายภาพบำบัดทางการกีฬาในจำนวนที่เหมาะสมกับการพัฒนาการกีฬาของประเทศไทยสามารถทำได้หลายแนวทาง ดังนี้
4.2.1. สนับสนุน และสร้างช่องทางให้นักกายภาพบำบัดที่มีความสนใจด้านการกีฬาเข้าไปมีส่วนร่วมในการแข่งขันในระดับต่างๆ เพื่อเพิ่มพูนประสบการณ์ และเป็นการสร้างบุคคลากรให้มีความพร้อมในการปฏิบัติงานในสถานการณ์ต่างๆได้ แนวทางนี้เป็นการสร้างบุคคลากรที่จะได้บุคคลากรมาปฏิบัติงานในระยะสั้น
4.2.2. จัดการอบรม พัฒนาระยะสั้นที่สามารถสะสมความรู้และประสบการณ์ที่จะนำไปสู่การเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกายภาพบำบัดทางการกีฬา ในระยะเริ่มต้นอาจมีความจำเป็นต้องเชิญวิทยากรผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศมาถ่ายทอดความรู้ ทักษะ และประสบการณ์ เพื่อเป็นการสร้างฐานความรู้ในระดับที่เป็นมาตรฐานเดียวกับนานาชาติ
4.2.3. การพัฒนาหลักสูตรเฉพาะทาง กายภาพบำบัดทางการกีฬาในสถาบันการศึกษา ในระดับบัณฑิตศึกษา โดยจัดให้มีความเชื่อมโยงกับหลักสูตรการอบรมระยะสั้นในข้อ 4.2.2
4.2.4. การสนับสนุนให้มีการวิจัยและพัฒนาด้านกายภาพบำบัดทางการกีฬา เพื่อพัฒนาบุคคลากรรุ่นต่อไปให้มีการนำหลักฐานจากการวิจัยมาใช้ในการปฏิบัติมากขึ้น (Evidence based practice) เพื่อพัฒนาองค์ความรู้ด้านนี้ที่มีลักษณะเฉพาะสำหรับประชาชนไทย
4.2.5. การส่งเสริมให้งานกายภาพบำบัดทางการกีฬาเป็นงานประจำที่มีความก้าวหน้าในวิชาชีพ มีแนวทางการพัฒนาที่ชัดเจน (Career path) มีการพิจารณาค่าตอบแทนในการปฏิบัติงานในฐานะผู้เชี่ยวชาญที่เหมาะสมกับความสามารถ
4.2.6. การส่งเสริมให้นิสิต นักศึกษาระดับปริญญาตรีสาขากายภาพบำบัดได้มีการฝึกประสบการณ์วิชาชีพกับทีมกีฬาที่มีนักกายภาพบำบัดประจำ โดยเป็นส่วนหนึ่งของการฝึกงานทางคลินิก เพื่อสร้างทัศนคติที่ดีต่อการพัฒนาตนเองให้มีความสามารถด้านกายภาพบำบัดทางการกีฬาที่สูงขึ้นในอนาคต
4.2.7. จัดให้มีการประชุมวิชาการ หรือการสัมมนาประจำปีร่วมระหว่างวิทยาศาสตร์การกีฬา กีฬาเวชศาสตร์ และกายภาพบำบัดเพื่อส่งเสริมความเข้าใจในหลักการของแต่ละวิชาชีพ และพัฒนาความรู้อย่างมีเป้าหมายสอดคล้องกัน

ข้อสรุป
กายภาพบำบัดทางการกีฬาเป็นองค์ความรู้และทักษะที่สำคัญ และเป็นส่วนหนึ่งของทีมบุคลากรที่ส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาศักยภาพ และสมรรถนะของนักกีฬาได้โดยการทำงานเป็นทีมที่มีความเข้าใจบทบาทหน้าที่ของทุกฝ่าย แนวทางการพัฒนาการกีฬาควรเป็นการพัฒนาทีมงานให้เกิดการสร้างองค์ความรู้และมีการนำไปใช้กับนักกีฬาอย่างเหมาะสม



27 พฤษภาคม 2551