กายภาพบำบัดระดับปฐมภูมิ และการฟื้นฟูโดยชุมชน
ผศ.ดร.กานดา ชัยภิญโญ
นายกสมาคมกายภาพบำบัดแห่งประเทศไทย
kanda@swu.ac.th
30 สิงหาคม 2552
กายภาพบำบัดคืออะไร
กายภาพบำบัดเป็นวิชาชีพด้านสุขภาพที่มีเป้าหมายในการบริการคือ ให้ประชาชนมีอิสรภาพในการเคลื่อนไหวได้ด้วยตนเอง โดยการปรับสภาพร่างกายและสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสมกับสภาวะของบุคคลนั้น เพื่อส่งเสริมคุณค่าความเป็นมนุษย์และคุณภาพชีวิตให้ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
นักกายภาพบำบัดทำอะไรได้บ้าง
1. ออกแบบ สอน และให้คำแนะนำในการออกกำลังกายเพื่อส่งเสริมสุขภาพ บำบัดโรคและภาวะต่างๆ รวมถึงการออกกำลังกายเพื่อฟื้นฟูความสามารถในการเคลื่อนไหวที่มีความเฉพาะเจาะจงเป็นรายบุคคล (Individualized therapeutic exercise prescription)
2. ตรวจประเมินการเคลื่อนไหวของร่างกายในขณะอยู่นิ่งและขณะเคลื่อนไหว
a. เพื่อหาสาเหตุที่เกี่ยวข้องที่ทำให้เกิดการเคลื่อนไหวที่ไม่ปกติ เช่นความบกพร่องของกำลังกล้ามเนื้อ ความยาวกล้ามเนื้อ ความตึงตัวของกล้ามเนื้อและเอ็น แนวการจัดวางตัวของกระดูกข้อต่อ
b. เพื่อประเมินคุณภาพของการเคลื่อนไหวในผู้ที่ต้องการพัฒนาให้การเคลื่อนไหวมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่นในนักกีฬาประเภทต่างๆ โดยการประเมินลักษณะและรูปแบบการเคลื่อนไหว กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น และข้อต่อที่เกี่ยวข้อง
3. ออกแบบ วางแผน และให้คำแนะนำในการปรับสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมกับศักยภาพในการเคลื่อนไหวของแต่ละบุคคล เช่นผู้สูงอายุ ผู้พิการ หรือผู้ที่ไม่สามารถใช้อวัยวะบางส่วนได้ตามปกติ
4. ให้การบำบัดรักษา โดยใช้การเคลื่อนไหว ดัดดึงข้อต่อ ยืดกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นเพื่อส่งเสริมให้เกิดการเคลื่อนไหวที่ปกติ และไม่มีอาการปวดจากการเคลื่อนไหว เช่น การบำบัดรักษาผู้ที่มีอาการปวดคอ ปวดหลัง ปวดเข่า เป็นต้น
5. ให้การบำบัดรักษา โดยใช้อุปกรณ์และเครื่องมือทางกายภาพ เช่น คลื่นไฟฟ้าความถี่สูงซึ่งประกอบด้วย คลื่นเหนือเสียง (Therapeutic ultrasound) คลื่นไมโคร (Mocrowave diathermy) และคลื่นสั้น (Shortwave diathermy) การใช้กระแสไฟฟ้าความถี่ต่ำในการกระตุ้นการทำงานของกล้ามเนื้อ และการใช้ความร้อนและความเย็นในการบำบัดอาการปวด
หลักการและเป้าหมายให้บริการกายภาพบำบัดปฐมภูมิ และการฟื้นฟูโดยชุมชน
1. การเข้าถึงบริการสุขภาพโดยเท่าเทียมกัน
2. ชุมชนท้องถิ่นและบุคคลเป็นหุ้นส่วนในการดูแลสุขภาพ ทั้งการวางแผน การดำเนินงานและการติดตามตรวจสอบ
3. รูปแบบการให้บริการพัฒนาขึ้นเพื่อตอบสนองต่อผลการประเมินความต้องการของชุมชนท้องถิ่น โดยตระหนักถึงจริยธรรมของการใช้ทรัพยากร
4. วิธีการบริการกายภาพบำบัดควรพัฒนาขึ้นโดยคำนึงถึงวัฒนธรรมของท้องถิ่นและสังคม
5. สนับสนุนการให้บริการแบบสหสาขาวิชา โดยมีหน่วยงานร่วมทุกระดับชั้น
6. ตระหนักว่าผู้ประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพที่แตกต่างกันมีบทบาทร่วมกันในการให้บริการสุขภาพ โดยนักกายภาพบำบัดควรมีส่วนในการแลกเปลี่ยนถ่ายทอดความรู้กับทีม
7. ในสภาวะที่เหมาะสมชุมชนและบุคคลควรได้รับการสนับสนุนให้สามารถพึ่งตนเองได้
8. การส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคควรได้รับการเอาใจใส่ และดำเนินการ ถึงแม้ว่าในขณะนั้นการฟื้นฟูจะเป็นสิ่งที่มีความต้องการมากที่สุด
9. การวิจัยที่เกี่ยวข้อง และการประเมินผลที่ค้นพบต่างๆถูกนำมาประยุกต์ใช้อย่างเหมาะสม
10. มีระบบการติดตามประเมินผลการให้บริการเพื่อประโยชน์ในการทบทวนและปรับปรุงการให้บริการ
(WCPT Declaration of principle-Primary health care. Revised and re-approved June 2007)
1. เป็นผู้ให้บริการโดยตรงและโดยอ้อม
2. เป็นสมาชิกของทีมสหสาขาวิชาชีพ
3. เป็นผู้ให้คำปรึกษาแก่องค์กรของรัฐ องค์กรเอกชน และองค์กรเพื่อผู้พิการ
4. เป็นผู้พัฒนา ผู้ดำเนินการ และผู้จัดการโครงการบริการสุขภาพ
5. เป็นผู้ให้ความรู้แก่ผู้ประกอบวิชาชีพสุขภาพอื่นๆรวมถึงผู้ให้การสนับสนุนอื่นๆในด้านที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวและคุณภาพชีวิต
พื้นที่การให้บริการกายภาพบำบัดระดับปฐมภูมิและการฟื้นฟูโดยชุมชน
1. ชุมชนเมือง
2. ชุมชนชนบท
3. บ้าน
4. ศูนย์สุขภาพ
5. โรงเรียนการศึกษาพิเศษด้านต่างๆ
6. โรงพยาบาลชุมชน
แนวทางในการขยายการให้บริการกายภาพบำบัดระดับปฐมภูมิและการฟื้นฟูโดยชุมชน
1. สำรวจและตรวจประเมินความสามารถในการเคลื่อนไหวและการเดินในกลุ่มประชากรที่มีความเสี่ยงต่อภาวะการเคลื่อนไหวบกพร่อง และผู้ที่มีความเสี่ยงที่จะเดินหรือเคลื่อนไหวด้วยตนเองได้ยาก เช่นผู้สูงอายุ ผู้ที่มีโรคอ้วน โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง ผู้ที่ได้รับการผ่าตัดกระดูกและกล้ามเนื้อ เป็นต้น
2. ส่งเสริมสุขภาพผู้สูงอายุที่มีภาวะบกพร่องทางการเคลื่อนไหว เช่น
a. ฝึกกำลังกล้ามเนื้อและการทรงตัวสำหรับผู้ที่มีข้อเข่าเสื่อมหรือปวดเข่า เพื่อให้สามารถเดินได้ด้วยตนเอง
b. สอนการยืดกล้ามเนื้อหลัง และฝึกกล้ามเนื้อหลังสำหรับผู้สูงอายุที่มีอาการปวดหลัง
c. ฝึกกำลังกล้ามเนื้อ และการทำงานประสานสัมพันธ์ของระบบประสาทกล้ามเนื้อเพื่อป้องกันการหกล้มซึ่งเป็นสาเหตุที่สำคัญที่ทำให้ผู้สูงอายุเกิดการบาดเจ็บ พิการ หรืออาจเสียชีวิตได้
3. ส่งเสริมสุขภาพผู้ที่มีภาวะเสี่ยงต่อการเป็นเบาหวาน โรคอ้วน โรคหัวใจและความดันโลหิตสูง โดยการประเมินความสามารถในการเคลื่อนไหวเป็นรายบุคคล แล้วออกแบบการออกกำลังกายที่เหมาะสมกับความสามารถและสภาพร่างกาย
4. ให้การบำบัดรักษาทางกายภาพบำบัดในผู้ที่มีอาการปวดหลัง ปวดคอ ปวดไหล่ และปวดข้อต่างๆ ทั้งนี้เพื่อไม่ให้อาการปวดเหล่านี้นำไปสู่ภาวะการยึดติดของข้อที่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการไม่ใช้อวัยวะส่วนนั้น และนำไปสู่ความพิการของร่างกาย
5. ติดตามให้การฟื้นฟูสภาพผู้ป่วยในชุมชนหลังจากออกจากโรงพยาบาล โดยมีเป้าหมายให้ผู้ป่วยสามารถเคลื่อนไหวได้เร็วที่สุด และตรวจประเมินความพร้อมของร่างกายเพื่อให้ผู้ป่วยกลับไปทำงาน โดยให้คำแนะนำในการป้องกันภาวะแทรกซ้อนต่างๆที่อาจเกิดขึ้น