Monday, May 26, 2008

Wednesday, May 14, 2008

นโยบายและทิศทางการพัฒนาสมาคมกายภาพบำบัดแห่งประเทศไทย

ปี 2551-2553


วัตถุประสงค์ของสมาคมกายภาพบำบัดแห่งประเทศไทย

  1. เป็นศูนย์กลางให้สมาชิกได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็น ตลอดจนวิชาความรู้เกี่ยวกับศิลป์และวิทยาศาสตร์กายภาพบำบัดทั้งทางด้านทฤษฎีและปฏิบัติ

  2. เป็นศูนย์กลางในการเผยแพร่ความรู้กายภาพบำบัด ทั้งในด้านการส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันโรค บำบัดรักษา และฟื้นฟูสภาพ

  3. เป็นเกียรติและหลักประกันของวิชาชีพกายภาพบำบัด โดยการสร้างเสริมคุณภาพและมาตรฐานแห่งวิชาชีพ ตลอดจนมาตรฐานการศึกษาทางกายภาพบำบัด

  4. ร่วมกันรักษาและส่งเสริมจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพให้เป็นที่ไว้วางใจของประชาชน ป้องกันและแก้ไขปัญหาซึ่งเป็นอุปสรรคต่อความก้าวหน้าของวิชาชีพละป้องกันสิทธิประโยชน์อันชอบธรรมของวิชาชีพ

  5. ส่งเสริมความสามัคคี ตลอดจนการช่วยเหลือซึ่งกันและกันระหว่างผู้ร่วมวิชาชีพเดียวกัน

  6. เป็นศูนย์กลางในการติดต่อประสานงาน แลกเปลี่ยนความรู้ทางวิชาการกายภาพบำบัดกับวิชาการสาขาอื่นๆ ตลอดจนความร่วมมือกับองค์กรต่างๆทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ

  7. เป็นสมาคมที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง


วิสัยทัศน์

เป็นองค์กรเรียนรู้กายภาพบำบัดที่สื่อสารกับสมาชิกได้อย่างมีประสิทธิภาพ สมาชิกเข้าใจบทบาทและหน้าที่ของสมาคม


พันธกิจ

  1. เป็นศูนย์กลางในการเรียนรู้วิทยาการกายภาพบำบัดที่มีมาตรฐานระดับชาติ

  2. เป็นองค์กรที่ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ การสื่อสารภายในระหว่างสมาชิก และการสื่อสารระหว่างวิชาชีพกายภาพบำบัดในประเทศไทยกับองค์กรอื่นๆ อย่างมีประสิทธิภาพ


เป้าประสงค์/ กลยุทธ์

  1. ลูกค้า (สมาชิก)

    • สมาชิกได้รับข่าวสารของวิชาชีพทั้งด้านวิชาการ และด้านอื่นๆที่เกี่ยวข้องอย่างสม่ำเสมอและมีประสิทธิภาพ

    • สมาชิกมีส่วนร่วมในการพัฒนาและส่งเสริมกิจกรรมของสมาคมฯ

    • สมาชิกได้รับสิทธิประโยชน์สูงสุดในการเป็นสมาชิกสมาคมฯ

    • ขยายเครือข่ายสมาชิกให้ครอบคลุมนักกายภาพบำบัดทั่วประเทศ

    • ส่งเสริมการรวมกลุ่มทำกิจกรรมวิชาชีพของสมาชิกที่มีความสนใจในด้านเดียวกัน

  2. กระบวนการภายใน

  • พัฒนาระบบการบริหารจัดการสู่องค์กรเรียนรู้
  • พัฒนาระบบการสื่อสารและการใช้เทคโนโลยีเพื่อประสิทธิภาพในการดำเนินงาน
  • พัฒนาคุณภาพและมาตรฐานของวารสารสมาคมฯ

3. การเงิน

  • บริหารจัดการการเงินอย่างมีประสิทธิภาพ ปราศจากผลประโยชน์ทับซ้อน
  • เพิ่มรายได้ประจำของสมาคมให้เพียงพอกับรายจ่ายประจำ

4. การเรียนรู้และการพัฒนา

  • พัฒนาบุคคลากรสู่องค์กรเรียนรู้
  • สร้างสื่อการเรียนรู้กายภาพบำบัดที่ใช้ภาษาไทยเป็นหลัก


Sport PT workshop at SWU

โครงการศูนย์กายภาพบำบัดและการเคลื่อนไหว มศว จัดอบรมเรื่อง The 5th SWU Sport Physical Therapy Workshop: "HSA-Region - Functioncircle upperpart, particularly the shoulder" โดยวิทยากรคือ Mr. Lutz Meissner จากประเทศเยอรมัน ในวันศุกร์ที่ 30 พค 51 เวลา 8.30-16.30 น. ณ ห้อง8110 อาคารหอสมุดกลาง มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร โดยเป็นการอบรมที่ไม่เสียค่าลงทะเบียน ผู้สนใจแจ้งความจำนงค์ทาง email ที่ nariangrach @ swu.ac.th

Wednesday, May 7, 2008

PT & Osteoporosis




บทบาทกายภาพบำบัดกับโรคกระดูกพรุน

โดย ผศ.ดร.กานดา ชัยภิญโญ
สมาคมกายภาพบำบัดแห่งประเทศไทย
kchaipinyo@gmail.com

โรคกระดูกพรุนเป็นโรคที่เกิดขึ้นกับผู้สูงอายุโดยที่อาจไม่รู้สึกตัวว่ากำลังมีการสูญเสียแคลเซียมที่เป็นโครงสร้างที่สำคัญของเนื้อกระดูกที่ทำหน้าที่รับน้ำหนักของร่างกายไปทีละเล็กทีละน้อย ผลที่ตามมาจากโรคนี้คือการปวดกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นบริเวณหลัง ขา ไหล่ และข้อมือ ซึ่งจำเป็นต้องทำงานมากขึ้นเพื่อรับน้ำหนักของร่างกายแทนกระดูกที่พรุน หากกล้ามเนื้อไม่แข็งแรงพอที่จะทำหน้าที่ทดแทนนี้ได้โดยเฉพาะในภาวะที่เกิดการเคลื่อนไหวเร็วหรือต้องรับน้ำหนักตัวอย่างแรง เช่นเดินสะดุด หกล้ม อาจทำให้กระดูกที่พรุนอยู่แล้ว แตก หัก หรือทรุดได้ โดยเฉพาะกระดูกที่เป็นแกนการรับน้ำหนักเช่นกระดูกสันหลัง กระดูกสะโพกและกระดูกข้อมือ ดังนั้นการป้องกันโรคไม่ให้เกิดขึ้น และการป้องกันภาวะแทรกซ้อนอันเป็นผลต่อเนื่องจากโรคกระดูกพรุนจึงเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง โดยการป้องกันที่ดีและมีประสิทธิภาพคือการออกกำลังกายที่มีการลงน้ำหนักผ่านกระดูกอย่างสม่ำเสมอ เช่น การเดิน วิ่ง หรือการเต้นแอโรบิก และกินอาหารที่มีแคลซียมสูง ซึ่งคนทั่วไปสามารถออกกำลังกายได้เอง แต่เนื่องจากโรคนี้มักเกิดกับผู้สูงอายุที่อาจมีโรคประจำตัวอื่นๆ ที่อาจทำให้เคลื่อนไหวได้จำกัดอยู่แล้ว ดังนั้นกายภาพบำบัดจึงมีบทบาทที่เกี่ยวข้องทั้งด้านการส่งเสริมสุขภาพ การป้องกัน การรักษา และการฟื้นฟูในกรณีที่มีภาวะแทรกซ้อนที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหว ซึ่งในบทความนี้จะกล่าวถึงเป้าหมาย การตรวจประเมินทางกายภาพบำบัด วิธีการรักษาทางกายภาพบำบัดและการฟื้นฟูในกรณีที่มีภาวะแทรกซ้อนที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวเกิดขึ้นหลังจากเป็นโรคกระดูกพรุน

เป้าหมายการรักษาทางกายภาพบำบัด
เป้าหมายของการรักษาทางกายภาพบำบัดสำหรับผู้ป่วยโรคกระดูกพรุนคือการทำให้ผู้ป่วยสามารถเคลื่อนไหวและสามารถทำกิจวัตรประจำวันต่างๆได้อย่างมั่นใจและปลอดภัย โดยนักกายภาพบำบัดจะช่วยลดอาการปวด คงความความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหลังและขา ป้องกันกระดูกหัก ส่งเสริมการสมานตัวของกระดูกในผู้ที่มีกระดูกหักมาก่อน และออกแบบท่าออกกำลังกายที่เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย

การตรวจประเมินทางกายภาพบำบัด
นักกายภาพบำบัดจะสอบถามประวัติที่เกี่ยวข้อง สังเกตและตรวจประเมินลักษณะการเคลื่อนไหว โดยให้ผู้ป่วยแสดงการเคลื่อนไหวอย่างง่ายๆ เช่นการลุกขึ้นยืน และการเดิน เพื่อประเมินภาวะของโรค ความสามารถในการเคลื่อนไหว และความสามารถในการทรงตัวขณะยืนและเดินเพื่อออกแบบการออกกำลังกายสำหรับป้องกันการหกล้ม นอกจากนั้นหากมีปัญหาในการเคลื่อนไหวจะตรวจประเมินช่วงการเคลื่อนไหวของข้อต่อ ความแข็งแรง ความยาว และความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อเพื่อหาสาเหตุของปัญหาและวิธีการแก้ไข

การรักษาทางกายภาพบำบัด
สำหรับผู้ป่วยโรคกระดูกพรุนที่มีกระดูกหักหรือกระดูกสันหลังทรุดนักกายภาพบำบัดจะสอนวิธีการเคลื่อนไหวที่ช่วยลดความเจ็บปวดและป้องกันอันตราย เช่น การลุกจากท่านอน ลุกจากเก้าอี้ เดินทางราบ เดินขึ้น-ลงบันได และการทำงานบ้านง่ายๆที่จำเป็น นอกจากนั้นนักกายภาพบำบัดจะช่วยให้คำแนะนำในการใช้เครื่องช่วยพยุงต่างๆเพื่อลดอาการปวด เช่น เสื้อพยุงหลัง ไม้เท้า และเครื่องช่วยเดินอื่นๆ ในกรณีที่มีปัญหาปวดกล้ามเนื้อหรือข้อต่อนักกายภาพบำบัดจะให้การรักษาเพื่อลดปวดโดยใช้วิธีการและเครื่องมือทางกายภาพบำบัด เช่นการขยับเคลื่อนข้อต่อ การยืดกล้ามเนื้อและเอ็น การใช้ความร้อนความเย็นและคลื่นเหนือเสียงหรืออัลตร้าซาวนด์ เป็นต้น และให้คำแนะนำและแสดงท่าไอหรือจามที่จะลดอาการปวดหลังและป้องกันกระดูกสันหลัง (รูปที่ 1) ผู้ป่วยที่มีปัญหาการทรงตัวหรือมีแนวโน้มว่าจะหกล้มได้ง่ายจะได้รับคำแนะนำในการป้องกันการหกล้ม และการฝึกการทรงตัว

การออกกำลังกายเพื่อการรักษาเฉพาะราย
การออกกำลังกายเป็นโปรแกรมการรักษาทางกายภาพบำบัดที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้ป่วยโรคกระดูกพรุนเพื่อรักษาสภาพของกระดูกไม่ให้พรุนมากขึ้น ป้องกันไม่ให้กระดูกหัก หรือทรุด และเป็นการรักษากระดูกที่หักให้ฟื้นตัว โดยจะต้องเป็นโปรแกรมที่ออกแบบสำหรับผู้ป่วยแต่ละรายโดยเฉพาะทั้งนี้เนื่องจากผู้ป่วยแต่ละรายมีความแข็งแรงและมีอาการปวดแตกต่างกัน ดังนั้นจึงต้องออกกำลังกายให้เหมาะสมกับสภาพร่างกาย โปรแกรมการออกกำลังกายนี้เป็นการออกกำลังกายง่ายๆที่ผู้ป่วยสามารถทำด้วยตนเองที่บ้านได้อย่างปลอดภัย ตัวอย่างของท่าออกกำลังกายที่ผู้ป่วยส่วนใหญ่สามารถทำได้เองเพื่อช่วยการทรงท่า การเคลื่อนไหว และป้องกันการหกล้มแสดงในรูปที่ 2-3 ทั้งนี้การออกกำลังกายจะต้องไม่ทำให้เกิดความเจ็บปวดมากขึ้นในขณะออกกำลังกาย

โดยสรุปแล้วบทบาทกายภาพบำบัดในโรคกระดูกพรุนคือการให้คำแนะนำเกี่ยวกับการออกกำลังกายเพื่อส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคกระดูกพรุน การตรวจประเมินการเคลื่อนไหว การให้การรักษาทางกายภาพบำบัดในกรณีที่มีภาวะแทรกซ้อนที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหว การออกแบบโปรแกรมการออกกำลังกายเฉพาะบุคคลสำหรับผู้ป่วย และวิธีป้องกันการหกล้ม
รูปที่ 1 ใช้แขนข้างหนึ่งไขว้หลังไว้ขณะไอหรือจามเพื่อช่วยพยุงหลัง โดยไม่ก้มตัวลงจะช่วยลดแรงกระทำต่อหลัง ทำให้ไม่ปวดหลัง และป้องกันกระดูกสันหลังในผู้ป่วยโรคกระดูกพรุน


รูปที่ 2 แสดงการออกกำลังกายกล้ามเนื้อสะบัก และช่วยป้องกันหลังค่อม เริ่มจากท่ายืนหรืนั่งหลังตรง ยกแขนขึ้นในระดับไหล่ให้ข้อศอกอยู่ในแนวเดียวกับลำตัว ค่อยๆดึงศอกทั้งสองข้างไปด้านหลังโดยที่ลำตัวตรง ค้างไว้นับ 1-2-3 แล้วกลับไปสู่ท่าเริ่มต้น ทำท่านี้ 5-10 ครั้ง/เซต วันละ 3 เวลา

รูปที่ 3 แสดงการออกกำลังกายเพื่อฝึกการทรงท่าของหลัง และกล้ามเนื้อขา ยืนกางขาออกเล็กน้อย ให้หลังสัมผัสลูกบอลขนาดใหญ่เพื่อรักษาแนวหลังให้ตรงโดยไม่พิงไปบนลูกบอล จากนั้นแขม่วท้องเล็กน้อยโดยไม่กลั้นหายใจ ค่อยๆย่อเข่าลงช้าๆเพียงเล็กน้อยเท่าที่ทำได้ โดยให้หลังอยู่ในแนวตรงตลอดเวลา ยืนในท่างอเข่าประมาณ 20-30 วินาที แล้วจึงกลับมายืนตรง ทำท่านี้ 5-10 ครั้ง/เซต วันละ 3 เวลา