


บทบาทกายภาพบำบัดกับโรคกระดูกพรุน
โดย ผศ.ดร.กานดา ชัยภิญโญ
สมาคมกายภาพบำบัดแห่งประเทศไทย
kchaipinyo@gmail.com
โรคกระดูกพรุนเป็นโรคที่เกิดขึ้นกับผู้สูงอายุโดยที่อาจไม่รู้สึกตัวว่ากำลังมีการสูญเสียแคลเซียมที่เป็นโครงสร้างที่สำคัญของเนื้อกระดูกที่ทำหน้าที่รับน้ำหนักของร่างกายไปทีละเล็กทีละน้อย ผลที่ตามมาจากโรคนี้คือการปวดกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นบริเวณหลัง ขา ไหล่ และข้อมือ ซึ่งจำเป็นต้องทำงานมากขึ้นเพื่อรับน้ำหนักของร่างกายแทนกระดูกที่พรุน หากกล้ามเนื้อไม่แข็งแรงพอที่จะทำหน้าที่ทดแทนนี้ได้โดยเฉพาะในภาวะที่เกิดการเคลื่อนไหวเร็วหรือต้องรับน้ำหนักตัวอย่างแรง เช่นเดินสะดุด หกล้ม อาจทำให้กระดูกที่พรุนอยู่แล้ว แตก หัก หรือทรุดได้ โดยเฉพาะกระดูกที่เป็นแกนการรับน้ำหนักเช่นกระดูกสันหลัง กระดูกสะโพกและกระดูกข้อมือ ดังนั้นการป้องกันโรคไม่ให้เกิดขึ้น และการป้องกันภาวะแทรกซ้อนอันเป็นผลต่อเนื่องจากโรคกระดูกพรุนจึงเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง โดยการป้องกันที่ดีและมีประสิทธิภาพคือการออกกำลังกายที่มีการลงน้ำหนักผ่านกระดูกอย่างสม่ำเสมอ เช่น การเดิน วิ่ง หรือการเต้นแอโรบิก และกินอาหารที่มีแคลซียมสูง ซึ่งคนทั่วไปสามารถออกกำลังกายได้เอง แต่เนื่องจากโรคนี้มักเกิดกับผู้สูงอายุที่อาจมีโรคประจำตัวอื่นๆ ที่อาจทำให้เคลื่อนไหวได้จำกัดอยู่แล้ว ดังนั้นกายภาพบำบัดจึงมีบทบาทที่เกี่ยวข้องทั้งด้านการส่งเสริมสุขภาพ การป้องกัน การรักษา และการฟื้นฟูในกรณีที่มีภาวะแทรกซ้อนที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหว ซึ่งในบทความนี้จะกล่าวถึงเป้าหมาย การตรวจประเมินทางกายภาพบำบัด วิธีการรักษาทางกายภาพบำบัดและการฟื้นฟูในกรณีที่มีภาวะแทรกซ้อนที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวเกิดขึ้นหลังจากเป็นโรคกระดูกพรุน
เป้าหมายการรักษาทางกายภาพบำบัด
เป้าหมายของการรักษาทางกายภาพบำบัดสำหรับผู้ป่วยโรคกระดูกพรุนคือการทำให้ผู้ป่วยสามารถเคลื่อนไหวและสามารถทำกิจวัตรประจำวันต่างๆได้อย่างมั่นใจและปลอดภัย โดยนักกายภาพบำบัดจะช่วยลดอาการปวด คงความความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหลังและขา ป้องกันกระดูกหัก ส่งเสริมการสมานตัวของกระดูกในผู้ที่มีกระดูกหักมาก่อน และออกแบบท่าออกกำลังกายที่เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย
การตรวจประเมินทางกายภาพบำบัด
นักกายภาพบำบัดจะสอบถามประวัติที่เกี่ยวข้อง สังเกตและตรวจประเมินลักษณะการเคลื่อนไหว โดยให้ผู้ป่วยแสดงการเคลื่อนไหวอย่างง่ายๆ เช่นการลุกขึ้นยืน และการเดิน เพื่อประเมินภาวะของโรค ความสามารถในการเคลื่อนไหว และความสามารถในการทรงตัวขณะยืนและเดินเพื่อออกแบบการออกกำลังกายสำหรับป้องกันการหกล้ม นอกจากนั้นหากมีปัญหาในการเคลื่อนไหวจะตรวจประเมินช่วงการเคลื่อนไหวของข้อต่อ ความแข็งแรง ความยาว และความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อเพื่อหาสาเหตุของปัญหาและวิธีการแก้ไข
การรักษาทางกายภาพบำบัด
สำหรับผู้ป่วยโรคกระดูกพรุนที่มีกระดูกหักหรือกระดูกสันหลังทรุดนักกายภาพบำบัดจะสอนวิธีการเคลื่อนไหวที่ช่วยลดความเจ็บปวดและป้องกันอันตราย เช่น การลุกจากท่านอน ลุกจากเก้าอี้ เดินทางราบ เดินขึ้น-ลงบันได และการทำงานบ้านง่ายๆที่จำเป็น นอกจากนั้นนักกายภาพบำบัดจะช่วยให้คำแนะนำในการใช้เครื่องช่วยพยุงต่างๆเพื่อลดอาการปวด เช่น เสื้อพยุงหลัง ไม้เท้า และเครื่องช่วยเดินอื่นๆ ในกรณีที่มีปัญหาปวดกล้ามเนื้อหรือข้อต่อนักกายภาพบำบัดจะให้การรักษาเพื่อลดปวดโดยใช้วิธีการและเครื่องมือทางกายภาพบำบัด เช่นการขยับเคลื่อนข้อต่อ การยืดกล้ามเนื้อและเอ็น การใช้ความร้อนความเย็นและคลื่นเหนือเสียงหรืออัลตร้าซาวนด์ เป็นต้น และให้คำแนะนำและแสดงท่าไอหรือจามที่จะลดอาการปวดหลังและป้องกันกระดูกสันหลัง (รูปที่ 1) ผู้ป่วยที่มีปัญหาการทรงตัวหรือมีแนวโน้มว่าจะหกล้มได้ง่ายจะได้รับคำแนะนำในการป้องกันการหกล้ม และการฝึกการทรงตัว
การออกกำลังกายเพื่อการรักษาเฉพาะราย
การออกกำลังกายเป็นโปรแกรมการรักษาทางกายภาพบำบัดที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้ป่วยโรคกระดูกพรุนเพื่อรักษาสภาพของกระดูกไม่ให้พรุนมากขึ้น ป้องกันไม่ให้กระดูกหัก หรือทรุด และเป็นการรักษากระดูกที่หักให้ฟื้นตัว โดยจะต้องเป็นโปรแกรมที่ออกแบบสำหรับผู้ป่วยแต่ละรายโดยเฉพาะทั้งนี้เนื่องจากผู้ป่วยแต่ละรายมีความแข็งแรงและมีอาการปวดแตกต่างกัน ดังนั้นจึงต้องออกกำลังกายให้เหมาะสมกับสภาพร่างกาย โปรแกรมการออกกำลังกายนี้เป็นการออกกำลังกายง่ายๆที่ผู้ป่วยสามารถทำด้วยตนเองที่บ้านได้อย่างปลอดภัย ตัวอย่างของท่าออกกำลังกายที่ผู้ป่วยส่วนใหญ่สามารถทำได้เองเพื่อช่วยการทรงท่า การเคลื่อนไหว และป้องกันการหกล้มแสดงในรูปที่ 2-3 ทั้งนี้การออกกำลังกายจะต้องไม่ทำให้เกิดความเจ็บปวดมากขึ้นในขณะออกกำลังกาย
โดยสรุปแล้วบทบาทกายภาพบำบัดในโรคกระดูกพรุนคือการให้คำแนะนำเกี่ยวกับการออกกำลังกายเพื่อส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคกระดูกพรุน การตรวจประเมินการเคลื่อนไหว การให้การรักษาทางกายภาพบำบัดในกรณีที่มีภาวะแทรกซ้อนที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหว การออกแบบโปรแกรมการออกกำลังกายเฉพาะบุคคลสำหรับผู้ป่วย และวิธีป้องกันการหกล้ม
โดย ผศ.ดร.กานดา ชัยภิญโญ
สมาคมกายภาพบำบัดแห่งประเทศไทย
kchaipinyo@gmail.com
โรคกระดูกพรุนเป็นโรคที่เกิดขึ้นกับผู้สูงอายุโดยที่อาจไม่รู้สึกตัวว่ากำลังมีการสูญเสียแคลเซียมที่เป็นโครงสร้างที่สำคัญของเนื้อกระดูกที่ทำหน้าที่รับน้ำหนักของร่างกายไปทีละเล็กทีละน้อย ผลที่ตามมาจากโรคนี้คือการปวดกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นบริเวณหลัง ขา ไหล่ และข้อมือ ซึ่งจำเป็นต้องทำงานมากขึ้นเพื่อรับน้ำหนักของร่างกายแทนกระดูกที่พรุน หากกล้ามเนื้อไม่แข็งแรงพอที่จะทำหน้าที่ทดแทนนี้ได้โดยเฉพาะในภาวะที่เกิดการเคลื่อนไหวเร็วหรือต้องรับน้ำหนักตัวอย่างแรง เช่นเดินสะดุด หกล้ม อาจทำให้กระดูกที่พรุนอยู่แล้ว แตก หัก หรือทรุดได้ โดยเฉพาะกระดูกที่เป็นแกนการรับน้ำหนักเช่นกระดูกสันหลัง กระดูกสะโพกและกระดูกข้อมือ ดังนั้นการป้องกันโรคไม่ให้เกิดขึ้น และการป้องกันภาวะแทรกซ้อนอันเป็นผลต่อเนื่องจากโรคกระดูกพรุนจึงเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง โดยการป้องกันที่ดีและมีประสิทธิภาพคือการออกกำลังกายที่มีการลงน้ำหนักผ่านกระดูกอย่างสม่ำเสมอ เช่น การเดิน วิ่ง หรือการเต้นแอโรบิก และกินอาหารที่มีแคลซียมสูง ซึ่งคนทั่วไปสามารถออกกำลังกายได้เอง แต่เนื่องจากโรคนี้มักเกิดกับผู้สูงอายุที่อาจมีโรคประจำตัวอื่นๆ ที่อาจทำให้เคลื่อนไหวได้จำกัดอยู่แล้ว ดังนั้นกายภาพบำบัดจึงมีบทบาทที่เกี่ยวข้องทั้งด้านการส่งเสริมสุขภาพ การป้องกัน การรักษา และการฟื้นฟูในกรณีที่มีภาวะแทรกซ้อนที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหว ซึ่งในบทความนี้จะกล่าวถึงเป้าหมาย การตรวจประเมินทางกายภาพบำบัด วิธีการรักษาทางกายภาพบำบัดและการฟื้นฟูในกรณีที่มีภาวะแทรกซ้อนที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวเกิดขึ้นหลังจากเป็นโรคกระดูกพรุน
เป้าหมายการรักษาทางกายภาพบำบัด
เป้าหมายของการรักษาทางกายภาพบำบัดสำหรับผู้ป่วยโรคกระดูกพรุนคือการทำให้ผู้ป่วยสามารถเคลื่อนไหวและสามารถทำกิจวัตรประจำวันต่างๆได้อย่างมั่นใจและปลอดภัย โดยนักกายภาพบำบัดจะช่วยลดอาการปวด คงความความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหลังและขา ป้องกันกระดูกหัก ส่งเสริมการสมานตัวของกระดูกในผู้ที่มีกระดูกหักมาก่อน และออกแบบท่าออกกำลังกายที่เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย
การตรวจประเมินทางกายภาพบำบัด
นักกายภาพบำบัดจะสอบถามประวัติที่เกี่ยวข้อง สังเกตและตรวจประเมินลักษณะการเคลื่อนไหว โดยให้ผู้ป่วยแสดงการเคลื่อนไหวอย่างง่ายๆ เช่นการลุกขึ้นยืน และการเดิน เพื่อประเมินภาวะของโรค ความสามารถในการเคลื่อนไหว และความสามารถในการทรงตัวขณะยืนและเดินเพื่อออกแบบการออกกำลังกายสำหรับป้องกันการหกล้ม นอกจากนั้นหากมีปัญหาในการเคลื่อนไหวจะตรวจประเมินช่วงการเคลื่อนไหวของข้อต่อ ความแข็งแรง ความยาว และความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อเพื่อหาสาเหตุของปัญหาและวิธีการแก้ไข
การรักษาทางกายภาพบำบัด
สำหรับผู้ป่วยโรคกระดูกพรุนที่มีกระดูกหักหรือกระดูกสันหลังทรุดนักกายภาพบำบัดจะสอนวิธีการเคลื่อนไหวที่ช่วยลดความเจ็บปวดและป้องกันอันตราย เช่น การลุกจากท่านอน ลุกจากเก้าอี้ เดินทางราบ เดินขึ้น-ลงบันได และการทำงานบ้านง่ายๆที่จำเป็น นอกจากนั้นนักกายภาพบำบัดจะช่วยให้คำแนะนำในการใช้เครื่องช่วยพยุงต่างๆเพื่อลดอาการปวด เช่น เสื้อพยุงหลัง ไม้เท้า และเครื่องช่วยเดินอื่นๆ ในกรณีที่มีปัญหาปวดกล้ามเนื้อหรือข้อต่อนักกายภาพบำบัดจะให้การรักษาเพื่อลดปวดโดยใช้วิธีการและเครื่องมือทางกายภาพบำบัด เช่นการขยับเคลื่อนข้อต่อ การยืดกล้ามเนื้อและเอ็น การใช้ความร้อนความเย็นและคลื่นเหนือเสียงหรืออัลตร้าซาวนด์ เป็นต้น และให้คำแนะนำและแสดงท่าไอหรือจามที่จะลดอาการปวดหลังและป้องกันกระดูกสันหลัง (รูปที่ 1) ผู้ป่วยที่มีปัญหาการทรงตัวหรือมีแนวโน้มว่าจะหกล้มได้ง่ายจะได้รับคำแนะนำในการป้องกันการหกล้ม และการฝึกการทรงตัว
การออกกำลังกายเพื่อการรักษาเฉพาะราย
การออกกำลังกายเป็นโปรแกรมการรักษาทางกายภาพบำบัดที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้ป่วยโรคกระดูกพรุนเพื่อรักษาสภาพของกระดูกไม่ให้พรุนมากขึ้น ป้องกันไม่ให้กระดูกหัก หรือทรุด และเป็นการรักษากระดูกที่หักให้ฟื้นตัว โดยจะต้องเป็นโปรแกรมที่ออกแบบสำหรับผู้ป่วยแต่ละรายโดยเฉพาะทั้งนี้เนื่องจากผู้ป่วยแต่ละรายมีความแข็งแรงและมีอาการปวดแตกต่างกัน ดังนั้นจึงต้องออกกำลังกายให้เหมาะสมกับสภาพร่างกาย โปรแกรมการออกกำลังกายนี้เป็นการออกกำลังกายง่ายๆที่ผู้ป่วยสามารถทำด้วยตนเองที่บ้านได้อย่างปลอดภัย ตัวอย่างของท่าออกกำลังกายที่ผู้ป่วยส่วนใหญ่สามารถทำได้เองเพื่อช่วยการทรงท่า การเคลื่อนไหว และป้องกันการหกล้มแสดงในรูปที่ 2-3 ทั้งนี้การออกกำลังกายจะต้องไม่ทำให้เกิดความเจ็บปวดมากขึ้นในขณะออกกำลังกาย
โดยสรุปแล้วบทบาทกายภาพบำบัดในโรคกระดูกพรุนคือการให้คำแนะนำเกี่ยวกับการออกกำลังกายเพื่อส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคกระดูกพรุน การตรวจประเมินการเคลื่อนไหว การให้การรักษาทางกายภาพบำบัดในกรณีที่มีภาวะแทรกซ้อนที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหว การออกแบบโปรแกรมการออกกำลังกายเฉพาะบุคคลสำหรับผู้ป่วย และวิธีป้องกันการหกล้ม
รูปที่ 1 ใช้แขนข้างหนึ่งไขว้หลังไว้ขณะไอหรือจามเพื่อช่วยพยุงหลัง โดยไม่ก้มตัวลงจะช่วยลดแรงกระทำต่อหลัง ทำให้ไม่ปวดหลัง และป้องกันกระดูกสันหลังในผู้ป่วยโรคกระดูกพรุน
รูปที่ 2 แสดงการออกกำลังกายกล้ามเนื้อสะบัก และช่วยป้องกันหลังค่อม เริ่มจากท่ายืนหรืนั่งหลังตรง ยกแขนขึ้นในระดับไหล่ให้ข้อศอกอยู่ในแนวเดียวกับลำตัว ค่อยๆดึงศอกทั้งสองข้างไปด้านหลังโดยที่ลำตัวตรง ค้างไว้นับ 1-2-3 แล้วกลับไปสู่ท่าเริ่มต้น ทำท่านี้ 5-10 ครั้ง/เซต วันละ 3 เวลา
รูปที่ 3 แสดงการออกกำลังกายเพื่อฝึกการทรงท่าของหลัง และกล้ามเนื้อขา ยืนกางขาออกเล็กน้อย ให้หลังสัมผัสลูกบอลขนาดใหญ่เพื่อรักษาแนวหลังให้ตรงโดยไม่พิงไปบนลูกบอล จากนั้นแขม่วท้องเล็กน้อยโดยไม่กลั้นหายใจ ค่อยๆย่อเข่าลงช้าๆเพียงเล็กน้อยเท่าที่ทำได้ โดยให้หลังอยู่ในแนวตรงตลอดเวลา ยืนในท่างอเข่าประมาณ 20-30 วินาที แล้วจึงกลับมายืนตรง ทำท่านี้ 5-10 ครั้ง/เซต วันละ 3 เวลา
รูปที่ 2 แสดงการออกกำลังกายกล้ามเนื้อสะบัก และช่วยป้องกันหลังค่อม เริ่มจากท่ายืนหรืนั่งหลังตรง ยกแขนขึ้นในระดับไหล่ให้ข้อศอกอยู่ในแนวเดียวกับลำตัว ค่อยๆดึงศอกทั้งสองข้างไปด้านหลังโดยที่ลำตัวตรง ค้างไว้นับ 1-2-3 แล้วกลับไปสู่ท่าเริ่มต้น ทำท่านี้ 5-10 ครั้ง/เซต วันละ 3 เวลา
รูปที่ 3 แสดงการออกกำลังกายเพื่อฝึกการทรงท่าของหลัง และกล้ามเนื้อขา ยืนกางขาออกเล็กน้อย ให้หลังสัมผัสลูกบอลขนาดใหญ่เพื่อรักษาแนวหลังให้ตรงโดยไม่พิงไปบนลูกบอล จากนั้นแขม่วท้องเล็กน้อยโดยไม่กลั้นหายใจ ค่อยๆย่อเข่าลงช้าๆเพียงเล็กน้อยเท่าที่ทำได้ โดยให้หลังอยู่ในแนวตรงตลอดเวลา ยืนในท่างอเข่าประมาณ 20-30 วินาที แล้วจึงกลับมายืนตรง ทำท่านี้ 5-10 ครั้ง/เซต วันละ 3 เวลา
No comments:
Post a Comment